วันจันทร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2554

มาลดความอ้วนด้วย กล้วยมื้อเช้า กันเล็ทซึโก Banana Diet




หลักการของกล้วยมื้อเช้า มี 8 ข้อ (สรุปจากหนังสือหน้า 38 - 43)
     1. กินกล้วยหอมอย่างเดียวในมื้อเช้า เคี้ยวให้ละเอียดปล่อยให้ลิ้นได้รับรสอร่อยของกล้วย
 
    จะกินกี่ลูกก็ได้ (เรากิน 1-2 ลูกแล้วแต่วัน คุณฮามาจิตอนเริ่มทำใหม่ๆกิน 4 ลูก ตอนหลังๆลดเหลือ 2 ลูก) คนที่ไม่ชอบกินกล้วยหอมจริงๆจะเลือกกินผลไม้อื่นก็ได้แต่ให้เป็นชนิดเดียวอย่ากินปนกันหลายอย่าง ที่คุณฮามาจิเลือกกินกล้วยหอม เพราะ กล้วยหอมทานง่าย และมีประโยชน์มากเลย
     ถ้ากินกล้วยแล้วรู้สึกว่ายังหิวอยู่ ให้เว้นระยะซัก 15-30 นาที แล้วค่อยทานอย่างอื่นได้ (เค้าแนะนำให้กินพกวอาหารประเภทข้าว เช่น ข้าวปั้นโอนิงิริ ชั้นต้องไป Paragon มั้ยเนี่ย :D)

     2. ดื่มเฉพาะน้ำเปล่าเท่านั้นและดื่มบ่อยๆ
     เครื่องดื่มที่ดื่มกับกล้วยหอมในตอนเช้า เค้าให้ดื่มน้ำเปล่าที่อุณหภูมิห้อง ถ้าจะดื่มอย่างอื่นก็ให้เว้นระยะ 15-30 นาทีเหมือนเดิม หลักการของกล้วยมื้อเช้าเค้าให้ดื่มน้ำเปล่าบ่อยๆตามที่ต้องการ เค้าว่าการดื่มน้ำเปล่าจะทำให้ประสาทรับรสชาดดีขึ้น กระเพาะและลำไส้ทำงานน้อยลง พอรับรสชาดได้มากขึ้น ความต้องการอาหารในแต่ละมื้อจะลดลงเอง แต่ นานๆครั้งจะนอกใจไปดื่มอย่างอื่นก็ไม่เป็นไร กล้วยมื้อเช้าเน้นสบายๆ ไม่เครียด

    
3.กินอาหารกลางวันตามปกติ
     มื้อกลางวันกินอะไรก็ได้ แต่ขอให้เคี้ยวให้ละเอียด รับรสชาดอาหารให้เต็มที่ เพราะถ้าเราทานอาหารกลางวันน้อยๆเราก็อยากจะทานขนมมากขึ้น เค้าให้ทานให้เต็มที่ไปเลย แต่อยากให้เน้นที่อาหารประเภทข้าว เค้าให้ทานข้าวเยอะๆลดปริมาณกับข้าวลง

     4. กินของว่างได้ตอนบ่ายสาม
     จริงๆเค้าว่ากินของว่างได้ทุกวันหากต้องการ แต่เพื่อไม่ให้กินมากเกินไปเลยจำกัดให้กิน 1 อย่างต่อวัน เค้าแนะนำให้กิน Chocolate หรือ ขนมญี่ปุ่น (คนแปลบอกว่า มักทำจากแป้ง ถั่ว น้ำตาล) พวกไอศกรีม โดนัท มันฝรั่งทอด เค้าว่านานๆครั้งดีกว่า แต่ถ้าอยากให้ไดเอ็ทเห็นผลเร็ว เค้าให้เลือกกินผลไม้ แต่เลือกกินชนิดเดียวพอนะ อย่าปนๆกัน
     5. กินอาหารเย็นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
     ถ้าเราทานอาหารเย็นดึกจนเกินไป ตอนนอนกระเพาะลำไส้ก็ยังไม่ได้พัก ทำให้ร่างกายไม่สามารถขจัดความเหนื่อยล้าที่มีในแต่ละวันได้ อันเป็นสาเหตุของการอ้วน กล้วยมื้อเช้าบอกให้เราทานอาหารเย็นประมาณ 6โมง และดึกสุดไม่เกิน 2 ทุ่ม ถ้ายากก็ลองขยับให้เร็วขึ้นสัก 30 นาทีดูก่อน และให้ฝึกไม่กินของหวานหลังอาหารเย็นด้วย ให้กินของหวานแค่บ่ายสามเท่านั้น (อันนี้ยากเหมือนกัน เราก็ทำไม่ได้ 555 ยังกินของหวานนิดๆหน่อย วันละ 2-3 ครั้งอยู่เลย แต่ก็พยายามลดนะ)

     6. นอนก่อนขึ้นวันใหม่
     พยายามนอนเร็วให้เป็นนิสัย ดึกสุดไม่เกินเที่ยงคืน การนอนเร็ว และ ท้องไม่เต็มไปด้วยอาหาร จะทำให้นอนหลับสบาย ร่างกายเราจะฟื้นฟูสภาพกันตอนหลับนี่แหละ

     7. ออกกำลังกายเมื่อต้องการออก อย่าหักโหม
     การออกกำลังกายเค้าให้ทำอย่างพอเหมาะ ทำให้ร่างกายสดชื่น การออกกำลังกายอย่างหักโหม ร่างกายจะรู้สึกทรมานไม่เป็นผลดีเอา เค้าแนะนำให้แกว่งแขนสองข้างขึ้นลงเนี่ยแหละให้ผลดีกับการไดเอ็ทมากกว่าที่คิด

     8.จดบันทึกไดอารี่ให้เป็นนิสัย พร้อมเปิดเผยให้คนอื่นอ่านด้วย
     การจดบันทึกไดอารี่ไว้ เช่น จดลงบล็อคมีข้อดีคือ จะมีคนมาคอยเชียร์ มาให้คำแนะนำ เป็นบ่อเกิดของกำลังใจได้ (เราก็จดแต่ไม่ให้ใครดูยังเขินอยู่ 555)

อันนี้เป็นตัวอย่าง ไดอารี่ จากหนังสือหน้า 103
มื้อเช้า          7:10 กล้วย 2 ลูก, น้ำเปล่า
มื้อกลางวัน    12:00 ข้าวกล่องเอามาเอง (เค้าจดละเอียดเลยว่าอะไรบ้าง), ไก่ทอด 2 ชิ้น, น้ำเปล่า
อาหารว่าง      15:00 ช็อกโกแลตบาร์ครึ่งแผ่น, น้ำเปล่า
มื้อเย็น          19:00 ข้าวแกงกะหรี่ 1 จาน, สลัดมันฝรั่ง, ซุป, น้ำเปล่า
มื้อดึก           21:00 ส้ม 2 ลูก, น่ำเปล่า

เวลานอน       23:30
ออกกำลังกาย     หายใจเข้าออกลึกๆ ก่อนอาหาร
การถ่าย        ดีมาก
น้ำหนัก         59.8 กิโล เทียบกับอาทิตย์ที่แล้ว -0.5 โล
ข้อคิดเห็น
วันนี้งานยุ่งมากๆ สงสัยช่วงนี้ต้องทำโอทีซักหน่อยแล้ว วันนี้หายใจเข้าออกลึกๆ ก่อนอาหารได้ครบทุกมื้อ เคี้ยวข้าวละเอียดๆค่อยๆให้ลิ้นรับรู้รสชาดได้แล้ว
จะเห็นว่าเค้าจดละเอียดเหมือนกันว่า กินอะไรตอนไหนอย่างไร เราก็พยายามจดอยู่นะ ข้อดีคือได้บันทึกน้ำหนักทุกวันนี่ว่าเท่าไหร่แล้ว และก็รู้ด้วยว่ากินอะไรไปบ้าง พอถึงตรงออกกำลังกายจะได้รู้ว่าวันนี้ได้ทำรึยัง ข้อคิดเห็นก็จะบอกได้ว่า วันนี้เครียดมาก หรือ น้อยยังไง เพราะมีผลต่อการไดเอ็ทนะ
ผลหลังจากทำกล้วยมื้อเช้าแล้ว
    
บางคนอาจจะอยากรู้ว่า เราทำกล้วยมื้อเช้าแล้วมันเห็นผลยังไง เราทำมาได้ประมาณ 3 อาทิตย์แล้ว แต่ก็ไม่ได้เคร่งครัดทำเป๊ะๆทุกข้อนะ ยิ่งเรื่องทานข้าวเย็นก่อน 2 ทุ่ม นี่หลุดหลายวันเลย ของว่างก็ห้ามใจไม่อยู่ กินวันละหลายครั้งเหมือนกัน แต่น้ำหนักก็ลดลงอ่ะ (จาก 49.4 เป็น 48.3) แต่ที่เห็นชัดๆคือ เรื่องของการขับถ่าย ปกติก็ไม่มีปัญหาเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่บ้างวันมันเยี่ยมมากๆ แบบหมดไส้ไปเลย ตอนนี้หน้าท้องแบนมั๊กๆ ชอบ
     ที่แนะนำให้เพื่อนๆทำ สิ่งแรกที่เค้าจะเห็นผลเลยคือเรื่องของการขับถ่ายนี่แหละ ในหนังสือบอกว่าบางคนมีอุจจาระตกค้างเยอะมากที่ร่างกายไม่สามารถขับออกมาได้ เพื่อนๆที่ทำคนนึงน้ำหนัก 116 กิโล ทำกล้วยมื้อเช้าได้ 4 วัน น้ำหนักลงไป 2 โล คือเค้า งง มากว่ามันมากจากไหนเยอะเลย (เริ่มเหมือนพวกโฆษณาชวนเชื่อ) อีกคนหนัก 73 ทำมาพร้อมๆกัน ตอนนี้ลงไปแล้วโลครึ่ง เพราะขับถ่ายดีมั๊กๆ
    
ยังไงลองทำกันดูนะคะ ได้ผลหรือไม่ได้ยังไงมาบอกด้วย ส่วนตัวชอบหลักการนี้นะ และคิดจะลองเผยแพร่ให้เพื่อนๆได้ลองกัน เพราะมันไม่ยาก ไม่ต้องอดไม่ต้องทน ไม่เปลืองเวลา ไม่เปลืองเงินด้วย :D


มาลดความอ้วนกันไหมค่ะ @^__^@ (มีสูตรซุปผักลด ค. อ้วนด้วยหล่ะ)
เบื่อมักๆ เลยรูปร่างอวบอ้วน หาเสื้อผ้าใส่ก็ยากแถมยังเตี้ยอีก เฮ้อ

อย่ากระนั้นเลยค่ะ เรามาลดความอ้วนกันไหมค่ะ
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วไปเดินร้านหนังสือซีเอ็ด ได้หนังสือเล่มใหม่ของมะปรางมาอ่ะคะ ชื่อ "7 วัน(ใหม่) ศัลยกรรมชีวิต" อยากแนะนำให้อ่านมักๆ เลยค่ะ อ่านแล้วรู้สึกมีแรงบันดาลใจไงก็ไม่รู้หง่ะ ฮิ ฮิ

ที่สำคัญมีเรื่องลดน้ำหนักด้วยหล่ะ วันนี้เลยเอาสูตรซุปผักมาฝากค่ะ
สูตรทำน้ำซุปผัก

ต้นหอมสด 6 ต้น
พริกหยวก 2 ผล
มะเขือเทศ 6-8 ลูก
แครอท 3 หัว
เห็ดฟาง 400 กรัม
เซอเลอรี่ 1 ต้น
กะหล่ำปี 1 หัว
น้ำมะเขือเทศ 148 ออนซ์ (ใช้น้ำมะเขือเทศ V8)
แต่สำหรับตัวเองใช้น้ำมะเขือเทศกล่องของดอยคำค่ะ อร่อยมากเลย

เครื่องปรุง
พริก ขิง สาหร่ายทะเล เกลือ พริกไทย ผักชีฝรั่ง ผงกระเทียม น้ำปลา **** ไม่ใช้ซอสถั่วเหลือง และผงชูรส ***

### เจ้าของสูตรเค๊าใส่ผงแกงกะหรี่ด้วยหล่ะคะ แต่ตัวเองไม่ใส่ คือไม่ชอบกลิ่นอ่ะคะ ###

วิธีทำ
# หั่นหัวหอม และกระเทียม ใส่ลงในหมือและผัดโดยการใช้น้ำมันมะกอกหรือน้ำมันถั่วเหลือง

# หั่นพริกหยวกเป็นชิ้นพอคำลงไปผัด

# ลอกเปลือกนอกของกระหล่ำปลีออก แล้วตัดเป็นชิ้นพอคำโยนลงหม้อ

# ตามด้วยแครอทหั่นเป็นชิ้นพอคำ และเห็ดฟางหั่นแว่นใส่มะเขือเทศที่หั่นเป็นชิ้นๆ ตามลงไป

# # # ถ้าต้องการให้ซุปมีรสจัดก็ใส่ผงกะหรี่ หรือใส่พริกป่นลงไป

# เติมน้ำ 12 ถ้วย หรือน้ำ 8 ถ้วย และใช้น้ำมะเขือเทศ V8 ลงไปผสมด้วย ปิดฝาแล้วอุ้นด้วยไฟต่ำ ต้มไปเรื่อยๆ จนผักเปื่อย ปรุงรสด้วยเกลือและพริกไทย
โดย: แม่พาย


ความคิดเห็นที่ 1
### รายละเอียดยกจากหนังสือคุณมะปรางนะคะ ขอให้เครดิตเธอนิดนึง

รายละเอียดของสูตรลดน้ำหนักภายใน 7 วันค่ะ
สูตรนี้จะช่วยปรับระบบการเผาผลาญอาหารให้ดีขึ้น และขัดสารพิษด้วย ทานตามสูตรนี้แล้วหลังจากนั้นให้รับประทานอาหารตามปกติอย่างน้อยสองสัปดาห์

แนะนำสำหรับผู้สูงอายุด้วยค่ะ หลังจากทำสูตรนี้แล้วจะควบคุมน้ำหนักโดยรับประทานแป้งให้น้องที่สุด และรับประทานผัก ผลไม้ เนื้อปลาให้มากๆ

ออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ เป็นอย่างน้อย 3 สัปดาห์ ในหนึ่งสัปดาห์ หากทำตามสูตรนี้คุณจะรู้สึกได้ว่าน้ำหนักลดลง ความอยากอาหารก็น้อยลง ผิวพรรณจะเปล่งปลั่งขึ้น จะดูสดใสขึ้นด้วย

ทานน้ำให้มากขึ้น และไม่ลืมกินมิลติวิตามินควบคู่ไปด้วยค่ะ
โดย: แม่พาย


ความคิดเห็นที่ 2
วันที่ 1
ทานซุป และ ทานผักสด + ผลไม้ ที่ปราศจากน้ำมัน แป้ง น้ำสต๊อก ห้ามมีไขมันโดยเด็ดขาด (ข้าวโพด มะเขือเทศ หรือปลาเส้น เป็นข้อยกเว้น ให้รับประทานได้ค่ะ) ทานน้ำเปล่า น้ำชา กาแฟ ไม่ใส่น้ำตาล

วันที่ 2
ทานผักจนรู้สึกอิ่ม ใช้ผักทำอาหารอย่างที่คุณต้องการ พยายามทานผักใบเขียว *** ห้ามถั่ว และข้าวโพด !!! ทานกับซุปค่ะ และมื๊อค่ำก็ทานเนื้อปลานึ่ง 200 กรัม ห้ามทอดเด็ดขาด และทานผลไม้เป็นของหวาน

วันที่สาม
รวมเมนู วันที่ 1 + 2 เข้าด้วยกัน รับประทานผัก ผลไม้ได้มากเท่าที่ต้องการค่ะ
โดย: แม่พาย


ความคิดเห็นที่ 3
วันที่ 4
รับประทานผลไม้ ดื่มนมพร่องมันเนย รับประทานกับซุป เมนูวันนี้ช่วยบรรเทาอาการอยากของหวานของคุณค่ะ

วันที่ 5
รับประทานอาหารทะเล (400 g.) กับมะเขือเทศ 6 ลูก ในหนึ่งวัน รับประทานซุปอย่างน้อย 1 ครั้งต่อวัน อาจทานไก่ย่างหรือไก่อบ ห้ามทานหนังไก่เด็ดขาด

วันที่ 6
ทานปลากับผัก อาจมีอาหารทะเลควบคู่ด้วย 2-3 อย่าง รับประทานกับผักใบเขียว และรับประทานน้ำซุปด้วยในแต่ละมื๊อ

วันที่ 7
รับประทานข้าวกล้อง น้ำผัก และผลไม้ที่ปราศจากน้ำตาล และรับประทานน้ำซุปด้วยทุกมื๊อ
โดย: แม่พาย

ความคิดเห็นที่ 4
ควรารับประทานวิตามินเสริมในช่วงลดน้ำหนักด้วย อาหารที่ควรเลือกรับประทานได้แก่ แอปเปิ้ล ส้ม พรุน และแครอท ผักขม เซอรเลอรี่ ถั่วเล็กน้อย เห็ดฟาง และไก่ค่ะ


ลดความอ้วนด้วยสีอาหาร


 การนับแคลอรีอาจเป็นวิธีการลดน้ำหนักหลายคนนิยมใช้ แต่การนับแคลอรีอย่างเข้มงวด ก็ไม่ง่ายนักทั้งยังทำให้เกิดความเครียดด้วย จนอาจทำให้คุณถอดใจจากการลดน้ำหนักก่อนจะประสบผลสำเร็จ ผู้เชี่ยวชาญจึงได้แนะนำวิธีใหม่ ๆ ที่จะทำให้คุณสามารถควบคุมแคลอรีได้อย่างง่าย ๆ และยังได้รับสารอาหารที่มีประโยชน์อย่างครบถ้วนและสมดุลอีกด้วย นั่นก็คือ หันมานับจำนวนของสีสันจากอาหารที่จะเติมลงในจานอาหารของคุณแทน
        สีสันไม่เพียงแต่จะทำให้อารมณ์คุณแจ่มใสขึ้นเท่านั้น แต่สีสันอันหลากหลายจากอาหารยังทำให้การกินของคุณสดใสขึ้นด้วย เนื่องจากอาหารที่มีสีสันอันหลากหลาย มักเป็นอาหารผักและผลไม้ที่อุดมด้วยสารอาหาร และสารเคมีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ซึ่งจะช่วยสร้างสมดุลแก่สุขภาพและยังช่วยต่อสู้กับโรคร้ายต่าง ๆ รวมทั้งโรคมะเร็งได้ด้วย นอกจากประโยชน์ต่อสุขภาพแล้ว การเลือกกินอาหารตามสีสันยังมีผลโดยตรงต่อการลดน้ำหนักด้วย เพราะอาหารผักและผลไม้เป็นอาหารที่มีแคลอรีต่ำอยู่แล้วโดยธรรมชาติ เมื่อคุณเน้นการบริโภคอาหารหลากสีสัน คุณจึงควบคุมแคลอรีที่บริโภคเข้าไปในตัวโดยไม่ต้องมานั่งนับจำนวนแคลอรีอีก ต่อไป
        กฎสำคัญ คือ
กิน อาหารที่มีสีเบจและสีน้ำตาลให้น้อย ๆ อาหารในกลุ่มนี้ได้แก่ ขนมปัง พาสต้า เมล็ดถั่ว อาหารจากแป้งทั้งหลาย ถ้าเติมสิ่งเหล่านี้ลงในจานมากเกินไป ก็จะทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัยเพราะอาหารเหล่านี้มักมีแคลอรี สูง และทำให้หิวได้ เช่น พาสต้าถ้วยหนึ่งมี 200 แคลอรี ขณะที่ผักสีแดงหรือสีเขียวหนึ่งถ้วย มีแคลอรีไม่ถึงหนึ่งร้อย
        จากหนังสือเรื่อง What Color is Your Diet? ของนพ.เดวิด เฮเบอร์ พบว่า หัวใจสำคัญในการบริโภคอาหารหลากสีสันก็คือ เลือกอาหารจากแต่ละกลุ่มที่ต่างกัน

     กลุ่มสีเขียวเข้ม เช่น บร็อกโคลี กะหล่ำปลี ผักกวางตุ้ง จะช่วยกระตุ้นการทำงานของตับ ในการผลิตแอนไซม์ช่วยสลายสารเคมีที่ทำให้เกิดมะเร็งในร่างกาย

     กลุ่มสีเหลือง/เขียว เช่น พืชตระฉันลถั่วสีเขียว (ถั่วฝักยาว ถั่วลันเตา) อะโวคาโด แตงเมลอนสีเขียว จะช่วยรักษาสุขภาพตา

     กลุ่มสีเหลือง/ส้ม เช่น แครอท มะม่วง แอปริคอต ฟักทอง มีแคโรตินอยด์ ที่ช่วยป้องกันมะเร็งและช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดหัวใจวาย

     กลุ่มสีขาว เช่น กล้วย กะหล่ำดอก กระเทียม ขิง เห็ด มีประโยชน์อย่างมากในการรักษาสุขภาพหัวใจ

     กลุ่มสีแดง เช่น มะเขือเทศ แตงโม เป็นอาหารที่อุดมด้วยไลโคปีน ซึ่งช่วยในการลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก และโรคหลอดเลือดหัวใจ

     กลุ่มสีแดง/ม่วง เช่น องุ่น ลูกพรุน แครนเบอร์รี่ สตรอว์เบอร์รี่ และแอปเปิ้ลแดง จะมีแอนโธไซอานินส์ ที่มีผลดีต่อโรคหัวใจด้วยการหยุดยั้งการเกิดลิ่มเลือด

     กลุ่มสีม่วง/น้ำเงิน เช่น บลูเบอร์รี่ มะเขือม่วง ลูกพลัม ลูกเกด มีสารเคมีที่ดีต่อสุขภาพ เช่นแอนโธไซอานินส์ (Anthocyanins) และฟีโนลิกส์ (Phenolics) ช่วยทำให้ความทรงจำดีขึ้น
        ฉะนั้น เติมสีเขียว สีแดง และสีเหลืองอันแสนสดใสให้แก่มื้ออาหารของคุณ คุณจะทำให้ตัวเองได้รับสารอาหารเพิ่มขึ้น ขณะที่แคลอรีลดต่ำลง ยิ่งไปกว่านั้นคุณจะรื่นรมย์มากขึ้นจากการกิน เมื่อมีสีสันและรสชาติที่หลากหลายอยู่บนจานของคุณ

อาหารลดน้ำหนัก
คนที่ชอบหวังพึ่งอาหารลดน้ำหนักจำพวกโลว์-แฟ้ต หรือแฟ้ต-ฟรีมักจะมีปัญหาพุงป่อง เนื่องจากคุณจะคิดว่ามันเป็นอาหารแคลอรี่ต่ำ จึงสามารถกินมากกว่าปกติ อาหารพวกนี้อาจมีพลังงานน้อยกว่าปกติ แต่มันก็ไม่ได้น้อยขนาดนั้น ทางที่ดีหันมารับประทานผักผลไม้ให้มากขึ้นจะดีกว่า รวมทั้งรับประทานอาหารที่มีเอนไซม์ช่วยย่อย อาทิ น้ำมะนาว น้ำส้มสายชูสกัดจากแอ๊ปเปิ้ล หรือผักสดต่างๆ

เคล็ดลับเลือกทานอย่างไร..ถ้าคุณมีน้ำหนักส่วนเกิน

เชื่อว่าทุกคนเกิดมาอยากสวยอยากหล่อและมีรูปร่างที่ดี แต่มีสักกี่คนที่ใจแข็งพอที่จะลดน้ำหนักส่วนเกิน เพื่อให้ตนเองมีน้ำหนักตัวที่เหมาะสม บางคนคิดว่าเรื่องการกินอาหารไม่มึความสำคัญมากนัก แต่มีหลายคนชอบที่จะสรรหาอาหารแปลกๆ มากินและคิดว่าการเลือกกินอาหารเป็นเรื่องใหญ่ จะต้องได้รับอาหารที่ตนเองพอใจ อาจคำนึงถึงการถูกปาก ความชอบ บางคนเลือกกินเพื่อช่วยป้องกันโรคต่างๆ ได้ อย่างไรก็ดีการเลือกกินอาหารจึงต้องมีเทคนิคในการเลือก เพราะอาหารแต่ละชนิดให้สารอาหารต่างกัน เราสามารถทำให้อร่อยและถูกปากได้ แต่ถ้าต้องการหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดโรคอ้วนตามมา จะต้องหาเทคนิคต่างๆ ที่ทุกคนสามารถทำให้น้ำหนักตัวลดลง แต่ควรเลือกอาหารที่เหมาะสมกับอายุ เพศ และกิจกรรมที่ทำประจำวันรวมถึงการออกกำลังกายด้วย
     ขั้นตอนสำคัญในการลดน้ำหนัก      
    1. เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภค
         การเปลี่ยนนิสัยการกินเพื่อควบคุมน้ำหนัก เมื่อรู้ตัวว่าน้ำหนักเกินพอดี ถ้ามีความมุ่งมั่นตั้งใจจริง สิ่งแรกควรเอาชนะอุปสรรคที่มักจะเกิดขึ้นคือ เอาชนะนิสัยการกินของตัวเอง ลองทบทวนว่าวันหนึ่งๆ คุณกินอะไรเข้าไปบ้าง ถ้าจะลดอาหารที่กินแต่ละมื้อ ควรลดปริมาณเท่าใดที่ไม่ทำให้เกิดความรู้สึกว่าปริมาณอาหารที่ลดลงไม่แตก ต่างกับอาหารที่กินในปัจจุบันมากนัก ซึ่งวิธีเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคง่ายๆ ดังนี้

  
   - ตั้งสติ ตั้งใจ ให้ดี ก่อนว่ากำลังกินอะไร กินทำไม อย่างไร กินเพื่ออะไร กินเมื่อไหร่
     - กินอาหาร 3 มื้อ ในแต่ละวันให้ตรงตามเวลา ไม่มีอาหารระหว่างมื้อ
     - เคี้ยวอาหารให้ละเอียด อย่ากินแบบเร่งรีบ ควรกินอาหารแบบช้าๆ เคี้ยวนานๆ ทำให้เรารู้สึกกินได้น้อยลงและรู้สึกอิ่มเท่าเดิม
     - อย่าลดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่งเป็นอันขาด ควรกินทุกมื้อ แต่ละมื้อควรได้รับสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่
     - กินเมื่อรู้สึกหิว อย่ากินเมื่อรู้สึกอยากกิน
     - งดกินอาหารตอนกลางคืน เมื่อกินอาหารเย็นแล้วควรแปรงฟันทันทีและไม่กินของว่างใดๆ อีก
     - อย่ากินของจุกจิก โดยเฉพาะขนมขบเคี้ยว เพราะมีปริมาณแป้ง น้ำตาล และไขมันสูง
     - อย่าเสียดายของเหลือ
     - อย่าใช้วิธีการกินอาหาร เมื่อรู้สึกเบื่อ เครียด เหนื่อย ควรหากิจกรรมอื่นทำมากกว่าการกิน
     - อย่าพยายามอ่านหนังสือหรือดูโทรทัศน์ขณะกินอาหาร ควรสนใจอาหารที่กินว่ามีประโยชน์หรือไม่
     - อย่าจำกัดตัวเองเรื่องอาหารการกินมากเกินไป โดยเฉพาะอาหารที่ต้องห้ามสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก แม้อาหารบางชนิดจะให้พลังงานและไขมันสูงมาก แต่สามารถกินได้ในปริมาณที่พอเหมาะ อย่างดไปเลย ควรใช้วิธีลดปริมาณให้น้อยลง
     - อย่ากินอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งมากเกินไป คุณจะได้สารอาหารที่จำเป็นแก่ร่างกายเพียงอย่างเดียว ควรกินอาหารหลายชนิด หลายประเภท
     - สำหรับผู้ที่ชอบดื่มน้ำผลไม้ ถ้าน้ำผลไม้ทำเองได้ดีที่สุด ไม่ต้องผสมน้ำตาล ถ้าน้ำผลไม้สำเร็จรูปควรดูฉลากส่วนผสมของน้ำตาลน้อย

  
2. เทคนิคในการลดน้ำหนัก        2.1 การปรุงอาหารในระหว่างลดน้ำหนัก
        การทำอาหารกินเอง ก่อนประกอบอาหารควรตัดส่วนที่เป็นไขมันออกจากเนื้อสัตว์ทิ้งไป ถ้าจำเป็นต้องใช้น้ำมันในการปรุงอาหารควรเลือกใช้น้ำมันพืช น้ำมันมะกอก แทนน้ำมันที่ได้จากสัตว์ และควรใช้วิธีนึ่ง อบ ย่าง แทนการทอดด้วยน้ำมัน หลายคนคิดว่าเนื้อสัตว์หลายประเภทมีไขมันค่อนข้างมาก แม้แต่อาหารทะเลที่ดูไม่ออกว่าไขมันอยู่ตรงไหนบ้าง เราต้องรู้จักนำมาปรุงและดัดแปลงวิธีการทำอาหารแต่ละประเภทให้เหมาะสม โดยมีไขมันอยู่ในตัวเนื้อสัตว์ให้น้อยที่สุด ถ้าจะกินกุ้งต้องตัดหัวที่เป็นมันทิ้งไป
    
    2.2 กินให้น้อยลง ออกกำลังกายให้มากขึ้น
        2.3 ดื่มน้ำก่อนกินอาหาร
        2.4 ลดอาหารระหว่างมื้อ

  
3. การเลือกกินอาหาร        อยากลดน้ำหนักให้ได้ผล ต้องรู้จักวิธีการเลือกกินอาหาร จริงๆ แล้วการลดน้ำหนักไม่ยากอย่างที่คิด ถ้ารู้หลักการและนำไปปฏิบัติถูกต้อง อาหารเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้น้ำหนักตัวมาก ถ้าไม่เลือกกินให้เหมาะสมกับวัย เพศ กิจกรรมประจำวัน ในสังคมสมัยใหม่ทำให้มนุษย์ดำรงชีวิตเปลี่ยนไป บริโภคมากเกินความจำเป็น โดยเฉพาะอาหารประเภทแป้ง น้ำตาลและไขมัน อาหารพร้อมปรุงต่างๆ การเลือกกินอาหารเพื่อลดน้ำหนักมีหลายวิธี
        3.1 เลือกกินอาหารที่ให้พลังงงานต่ำ เช่น สลัดผักต่างๆ ถ้าใส่เนื้อสัตว์ก็ควรใช้เนื้อสัตว์ไขมัต่ำ เช่น ปลา, เนื้อไก่ไม่ติดมันหรือเต้าหู้ปลา, ส้มตำ, น้ำพริกผักจิ้ม, ปลานึ่ง ฯลฯ
        3.2 ควรกินอาหารในปริมาณที่กำหนด เช่น ต้องการลดน้ำหนักโดยกำหนดพลังงานวันละ 1,200 แคลอรี/วัน ก็ควรให้ได้ปริมาณตามต้องการ
        3.3 ถ้าจำเป็นต้องไปงานเลี้ยง โดยเฉพาะการเลี้ยงแบบโต๊ะจีน ควรเลือกกินอาหารที่มีพลังงานต่ำแทน ไม่จำเป็นต้องกินหมดทั้งชุด
        3.4 เลือกกินอาหารหลายๆ ชนิด อย่าเลือกอาหารชนิดใดชนิดหนึ่ง ที่เห็นว่าเป็นอาหารที่ให้พลังงานต่ำเพียงอย่างเดียว ทั้ง 3 มื้อ ควรได้อาหารหลากหลาย
        3.5 ควรเลือกกินอาหารประเภท ผัก ผลไม้ให้มาก เพราะในผักผลไม้มีกากใยสูง นอกจากเป็นอาหารที่ให้พลังงานต่ำแล้วยังสามารถช่วยระบายได้ดี
        3.6 จัดอาหารที่มีโปรตีนเพียงพอ และควรเป็นโปรตีนคุณภาพดี เช่น ถั่ว ผลิตภัณฑ์จากถั่ว ปลา ควรจำกัดไข่แดงและเครื่องในสัตว์
        3.7 กินอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตเพียงพอ แต่ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำตาลสูง นอกจากนี้ควรระวังเครื่องดื่มจำพวกแอลกอฮอล์ และน้ำอัดลม อาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตที่กินควรอิ่มท้อง เช่น ข้าวกล้อง


        สรุป สำหรับผู้ต้องการคงสภาพน้ำหนักตัวไม่ให้มากจนเกินไป จนพบว่าตัวเองอ้วนรูปร่างไม่ดีอยากลดน้ำหนัก วิธีลดน้ำหนักอย่างง่ายๆ คือ ลดปริมาณอาหารและควบคุมระดับพลังงานที่ได้รับอย่างเหมาะสมในทางปฏิบัติอาจ ไม่ง่ายและทันใจ ต้องใช้ความตั้งใจและอดทน รวมถึงใช้เทคนิคในการเลือกกินอาหารให้เหมาะสม การควบคุมน้ำหนักตัวไม่ให้มีน้ำหนักเกิน จึงทำไม่ยากอย่างที่คิด ถ้าคุณมีความตั้งใจจริง


เคล็ดลับสุขภาพ : เล็งไว้ สมุนไพรลดน้ำหนัก
ใครอยากลดหุ่นที่กวนใจลองฟังทางนี้ กับทางออกดีๆ ที่สมุนไพรหรือพืชผักที่เราชอบทานกันนี่ล่ะ ที่สามารถลดน้ำหนักได้ แค่เราได้รู้จักคุณสมบัติของมัน พร้อมกันนั้นก็ควรหมั่นออกกำลังกายประกอบกันไปด้วย จะได้ผลดียิ่งขึ้น
     สมุนไพรตามธรรมชาตินั้นมีคุณสมบัติทางเคมีเช่นกัน เพราะฉะนั้นแล้ว ถ้าเราได้ศึกษาสักหน่อย ก็สามารถเอามาดัดแปลงใช้้กับความต้องการของร่างกาย (และกับอารมณ์)ได้ แค่มีเงื่อนไขที่ว่า ให้ทานแต่พอดีและถนอมร่างกายด้านนอื่นๆ ประกอบกันในแนวทางธรรมชาติ เช่นเดียวกับการลดน้ำหนักส่วนเกินที่เราสามารถพกสูตรธรรมชาติเหล่านี้ไปใช้ กันได้

   เพิ่มการเผาผลาญภายใน
           มี สมุนไพรจำนวนไม่น้อยที่ช่วยให้เราย่อยและเผาผลาญอาหารได้ดี การกินสมุนไพรจำพวกนี้ ทำให้เราได้ย่อยสลายพลังงานได้เร็วขึ้น เอาไปใช้ได้ง่ายขึ้น และยังกำจัดไขมันไปได้อีกทาง สมุนไพรจำพวกนี้ได้แก่ ขิง พริกไทย พริกสด ตะไคร้ ใบแมงลัก ข่า และกระเทียม เจออาหารที่มีสมุนไพรเหล่านี้เป็นส่วนผสมแล้ว เลือกทานกันได้เลย

   หมั่นขับถ่ายล้างพิษ
           การขับถ่ายมีส่วนกับการลดน้ำหนักเหมือนกัน ไม่ใช่เพราะของเสียทำให้น้ำหนักเราเพิ่มหรอกนะ แต่การท้องผูกเป็นการสะสมสารพิษอย่างหนึ่งไว้ในลำไส้ ทำให้ร่างกายเราอ่อนแอ ซึม และเกียจคร้าน เผลอๆ ยังทำให้ผิวบ่อย เพราะฉะนั้นควรหมั่นจิบน้ำบ่อยๆ และหาสมุนไพรเป็นตัวช่วยอย่าง มะขามแขก ใบส้มป่อย ใบแมงลัก หรือจะเป็นกาแฟ ที่หลายๆ คนชอบก็ย่อมได้

   ทานอาหารมีเส้นใย
          ถึงจะได้ยินกันบ่อย แต่ลองสังเกตดูสิว่า ทุกครั้งที่เราทานผักมากๆ จะขับถ่ายได้ดี และแข็งแรง สบายตัวกว่าการทานเนื้อและแป้ง นั่นก็เพราะเส้นใยเหล่านี้มีส่วนในการขับถ่าย และยังเป็นตัวนำพาไขมันทั้งหลายให้เกาะกลุ่มในลำไส้ก่อนขับถ่ายออกมากอีก ด้วย ลองทานอาหารเยื่อๆ อย่างพวกผักใบเขียว ข้าวไม่ขัดสี ถั่ว และธัญพืชต่างๆ

   ทานให้น้อยแต่พอดี
           หากปกติทานเกินพอดี เรามาเริ่มทานอาหารให้น้อยลงแต่เป็นปริมาณที่พอดีๆ จะดีกว่า เริ่มต้นกันด้วย การทานสลัดผักน้ำใสก่อนการทานอาหารมื้อหลัก และทานอาหารนึ่ง ย่าง ต้ม แทนของทอดและมีไขมันสูง เพื่อให้ท้องยังคงอิ่มแต่เป็นการรักษาระดับพลังงานที่พอดีๆ และมีน้ำตาลในเส้นเลือดตามปกติ

   ดื่มน้ำสมุนไพร
           การจิบน้ำอุณหภูมิปกติดีต่อร่างกายที่สุด แต่หากอยากเปลี่ยนบรรยากาศ ระหว่างวันลองจิบน้ำดื่มสมุนไพรที่ช่วยเรื่องน้ำหนักดูสิ อย่างเช่นชาเขียวที่มีผลวิจัยว่าช่วยเรื่องน้ำหนัก หรือน้ำไทยๆ อย่างน้ำสำรอง น้ำผลไม้เข้มข้น น้ำแมงลัก น้ำผัก เป็นต้น


ลดน้ำหนักอย่างไรไม่โทรม

เชื่อว่าคู่รักส่วนใหญ่ต้องตั้งหน้าตั้งตาฟิตหุ่นให้สมส่วนก่อนถึงวันวิวาห์ บางคนถึงกับลดมื้ออาหารจากปกติ 3 มื้อ เหลือเพียงการรับประทานเฉพาะมื้อกลางวันเท่านั้น ซึ่งวิธีดังกล่าวถือว่าไม่เหมาะสมกับการลดหรือควบคุมน้ำหนัก เพราะไม่เป็นผลดีกับร่างกาย เมื่อถึงวันแต่งงานพลันจะเป็นคู่บ่าว-สาวแสนโทรม ไม่สดชื่นแจ่มใส

การไม่ทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นก่อนวันสำคัญ คุณผู้อ่านสามารถลดอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต ที่มีอยู่ในอาหารประเภทข้าว เส้นก๋วยเตี๋ยว ขนมปัง น้ำตาล เช่น จากปกติรับประทานข้าวมื้อละ 1 จานเต็ม ๆ อาจลดเหลือเพียงแค่ครึ่งจาน หรืออาจเลือกรับประทานข้าวเพียง 1 มื้อต่อวัน ส่วนมื้ออื่น ๆ ที่เหลือให้เน้นผัก ผลไม่ เนื้อสัตว์ไขมันต่ำ เช่น ปลานึ่ง ทั้งนี้หากรับประทานข้าวแล้วก็ไม่ควรรับประทานก๋วยเตี๋ยวหรือขนมปังในวันเดียวกันอีก

สำหรับประโยชน์จากการลดคาร์โบไฮเดรต จะช่วยให้ร่างกายที่ปกติจะเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตที่รับประทานเข้าไปใหม่เป็นอันดับแรก ก็จะหันไปเผาผลาญคาร์โบไฮเดรตและไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกายแทน

ส่วนอาหารชนิดอื่น ๆ ที่ควรหลีกเลี่ยงระหว่างควบคุมน้ำหนัก คือ อาหารทอดน้ำมัน เนื้อสัตว์ติดมัน อาหารฟาสต์ฟู้ดต่าง ๆ รวมทั้งชา กาแฟ ที่ใส่ครีมปริมาณมาก น้ำอัดลม ขนมขบเคี้ยว ขนมหวาน

นอกจากการใส่ใจเรื่องอาหารการกินแล้ว ยังต้องออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ถ้าจะให้เห็นผลควรจัดสรรเวลาออกกำลังกายก่อนวิวาห์อย่างน้อย 4-5 เดือน เช่น การยกเวต เซ็ตละ 15 ครั้ง เพื่อกระชับต้นแขน หรือซิตอัพลดหน้าท้อง เป็นต้น


วิธีลดความอ้วนโดยกินมื้อเช้า

อาหารเช้า เป็นอาหารมื้อสำคัญที่สุดของวัน นอกจากทำให้ร่างกายและสมองสดชื่น
แจ่มใส ไม่ติดๆ ดับๆ ระหว่างวันแล้ว ยังส่งผลดีต่อสุขภาพในระยะยาวและช่วยลดความอ้วนด้วย เนื่องจากช่วงเช้าร่างกายดูดซึมวิตามินและแร่ธาตุต่างๆได้ดี และร่างกายเผาผลาญพลังงานได้มากอาหารเช้าจึงต้องเป็นอาหารที่อุดมด้วยคุณค่าต่างๆ ดังนี้


- ธัญพืชไม่ขัดขาว ได้แก่ ข้าวกล้อง ถั่วต่างๆ ลูกเดือย ซึ่งจะให้คาร์โบไฮเดรตทำให้

การดูดซึมน้ำตาลเป็นไปอย่างช้าๆ


- โปรตีนชั้นดีและอาหารประเภทใขมันต่า เช่น เนื้อปลา เห็ด ถั่วต่างๆ เต้าหู้



- ผักและผลไม้รสไม่หวานจัด เช่น แอ๊ปเปิ้ลเขียว สัม แตงโม กล้วย หรือให้ละเอียด เมื่อร่างกายค่อยๆ ดูดซึมน้ำตาล ตับอ่อนจะทำงานน้อยลง ไม่ต้องหลั่งอินซูลินออกมาในปริมาณ มากๆ บ่อยๆ ทำให้ได้รับความสดชื่นตลอดทั้งวัน ไม่หิวบ่อย ไม่อยากอาหาร หรือดื่มเครื่องดื่มรสหวาน


หลังจากเปลี่ยนมารับประทานมื้อเช้าน่าจะพบกับความเปลี่ยนแปลงที่ดี เช่น ได้รับ
แรงผลักดันที่ดี ช่วยให้เรากินอาหารที่ดีต่อสุขภาพไปตลอดทั้งวันและทุกวัน นอกจากนี้มื้อเช้ายังช่วยต้านโรคและอาการต่างๆได้ด้วย


- ลดอัตราเสี่ยงต่ออาการของโรคหัวใจ การรับประทานอาหารมื้อเช้าช่วยลดอัตราเสี่ยง การก่อตัวของลิ่มเลือด ทั้งยังทำให้ระดับคอเลสเตอรอลลดลง จึงช่วยไม่ให้เกิดอาการหัวใจ วายและเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมองแตกหรืออุดตัน



- ช่วย ลดความอ้วน มือเข้าช่วยในเรื่องการเผาผลาญไขมันและคอเลสเตอรอล มีงานวิจัย ชี้ให้เห็นว่า การกินมื้อเช้าในสัดส่วนที่มากขึ้นอาจช่วยเรื่องการลดน้ำหนัก และสำหรับผู้ที่กิน อาหารเช้าเป็น 50 เปอร์เซ็นต์ ของปริมาณอาหารทั้งวัน มีแนวโน้มว่าจะมีสัดส่วนรูปร่างที่ ดีกว่าผู้ที่รับประทานหนักในมื้ออื่นๆ



- ลดอัตราเสี่ยงต่อการเป็นนิ้วในถุงน้ำดี เนื่องจากการทิ้งช่วงเวลาระหว่างมื้ออาหารเกิน

14 ชั่วโมงหรือมากกว่านั้น เป็นโอกาสให้คอเลสเตอรอลในถุงน้ำดีจับตัวกันเป็นก้อนนิ่ว
อาหารเช้าจึงเป็นตัวช่วยลดความยาวนาน ระหว่างมื้ออาหารเย็นของวันก่อน กับอาหารเช้า
ของวันใหม่ไม่ให้นานเกินไป โดยอาหารเช้าจะเข้าไปกระตุ้นให้ตับปล่อยน้ำดีออกมา ละลาย
คอเลสเตอรอลที่อยู่ในถุงน้ำดีให้เจือจาง จนไม่ทันที่จะจับตัวกันเป็นก้อนนิ่ว
 
- ช่วยให้มีสมาธิ สามารถทำงานให้ประสบผลสาเร็จได้ดีขึ้น
สาวๆ ทราบหรือเปล่าคะว่า การที่คุณมีนมหรือโยเกิร์ตติดตู้เย็นไว้ที่บ้านเป็นประจําเนี่ย มันสามารถ  ทําให้น้ำหนักตัวคุณลดลงได้ด้วยนะ อ๊ะๆ ไม่เชื่อละสิ ถ้างั้นก็ต้องรีบมาอ่านข้างล่างนี้ดูกันแล้วละค่ะ


แคลเซียมในนมช่วยลดน้ำหนัก 
     จากการศึกษาเกี่ยวกับพฤติกรรมการดื่มนมในกลุ่มของคนอ้วนที่กําลังลดน้ำหนักพบว่า กลุ่มที่ดื่มนมเป็นประจําในปริมาณที่สูงจะ สามารถลดน้ำหนักได้มากกว่ากลุ่มที่ไม่ค่อยจะดื่มนมเลยหรือดื่มในปริมาณที่น้อยกว่าโดยที่ทั้งสองกลุ่มรับแคลอรีเข้าไปเท่ากัน ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะแคลเซียมในนมจะมีผลไปขัดขวางการสร้างหรือสะสมไขมัน เมื่อมีการสร้างและสะสมไขมันลดลงแล้ว ร่างกาย ก็จะเกิดการเผาผลาญไขมันได้มากขึ้น ทําให้น้ำหนักตัวลดลงค่ะ และยิ่งไปกว่านั้น
      หากคุณดื่มนมให้ได้วันละ 3-4 กล่องต่อวันแล้วจะยิ่งช่วยให้น้ำหนักตัวลดลง มากกว่าการกินอาหารเสริมจําพวกแคลเซียมหรืออาหารอื่นๆ ที่มีแคลเซียมเป็นส่วนประกอบด้วยซะอีกค่ะ

นมกับการไดเอ็ท
      สําหรับสาวๆ ที่กําลังคิดจะให้นมเป็นตัวช่วยในการลดน้ำหนักนั้น อย่าลืมคํานึงถึงปริมาณของแคลเซียมและโปรตีนในนมด้วยนะคะ ซึ่งคุณควรเลือกชนิดที่มีแคลเซียมและโปรตีนสูง แต่ให้้พลังงานต่ำอย่างพวกนมพร่องไขมัน นมขาดไขมัน หรือโยเกิร์ตพร่องไขมันนี่แหละ ใช่เลย และก็ควรเลือกแบบธรรมชาติหรือรสจืดมากกว่ารสอื่นๆ ด้วยนะคะ เพราะการปรุงแต่งรสนั้นย่อมหมายถึงการเพิ่มปริมาณน้ำตาลเข้าไป จะทําให้เราได้รับพลังงานจากน้ำตาลเพิ่มขึ้นมาอีกเป็นกระบุงด้วยค่ะ

     นอกจากนี้ ในนมยังมีแร่ธาตุต่างๆ อย่างฟอสฟอรัสและแมกนีเซียมซึ่งจะไปช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของแคลเซียมในการขัดขวางการสะสมไขมันในเซลล์ด้วยนะ แถมยังมีโปรตีนในนมที่ช่วยรักษากล้ามเนื้อและเพิ่มอัตรา เมตาบอลิซึ่มให้ดีขึ้นอีกด้วยละ เอ้า เห็นข้อดีของการดื่มนมอย่างนี้แล้ว เห็นทีสาวๆ รักสุขภาพอย่างเรา จะต้องรีบหันมาดื่มนมให้ได้วันละ 3 แก้วกันแล้วละค่ะ

    Make a Choice! สาวๆ รู้มั้ยคะว่า นมและผลิตภัณฑ์จากนมประเภทต่างๆ มีปริมาณแคลอรีและแคลเซียมอยู่กันเท่าไหร่
 
* นมขาดไขมัน รสจืด 110 แคลอรีแคลเซียม 373 มิลลิกรัม
* นมข้นหวาน 1 ช้อนโต๊ะ 70 แคลอรี แคลเซียม 54 มิลลิกรัม
* นมเปรี้ยวพร่องมันเนย 140 แคลอรี แคลเซียม 114 มิลลิกรัม
* โยเกิร์ตรสธรรมชาติ 120 แคลอรี แคลเซียม 189 มิลลิกรัม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น