วันจันทร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2554

สูตรลดความอ้วน สูตรลดน้ำหนัก

สูตรเร่งรัดการลดความอ้วนวัยรุ่น ใน 2 สัปดาห์


      วัยรุ่นแม้จะเป็นวัยที่มีการเผาผลาญพลังงานได้ดีกว่าวัยอื่นๆ แต่โรคอ้วนในวัยนี้ก็ยังเห็นอยู่บ่อยๆ อาจจะด้วยเพราะพฤติกรรมการบริโภค หรือกิจกรรมที่แตกต่าง ของแต่ละคน รวมทั้งสภาพร่างกายของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน บางคนเผาผลาญพลังงานได้ดี แต่บางคนหากไม่ออกกำลังกายก็คงไม่มีการเผาผลาญ จึงทำให้เรา เห็นโรคอ้วนในวัยรุ่นบางราย หากพบว่าเรา หรือ เพื่อนกำลังเป็นโรคอ้วนทั้งที่ยังอยู่ในวัยรุ่นอยู่ก็ควรรีบ หาทางแก้ไขอย่างเร่งด่วน เพราะหากปล่อยไว้นาน อายุมากขึ้นการเผาพลาญพลังงานน้อยลงจะยิ่งเพิ่มความอ้วนให้กับเราไปกันใหญ่ เพราะแม้แต่ตอนวัยรุ่น ที่ร่างกายสมบูรณ์ยังอ้วน หากเข้าวัยทำงานที่หาเวลาออกกำลังกายได้น้อย คงอ้วนท้วนสมบูรณ์แน่นอน วันนี้เราได้ค้นพบหลักสูตรพิเศษในการลดความอ้วน ที่ทดลองแล้วว่าได้ผลดีในวัยรุ่น มาฝาก โดยวิธีง่ายๆ ไม่ยุ่งยากอะไร ทำได้ทุกวัน ใช้เวลาไม่มาก แต่ได้ผลเกินคาด
    วิธีลดน้ำหนักในวัยรุ่น ภายใน 2 สัปดาห์
1.เริ่มกันตั้งแต่ตื่นนอนมาให้บริโภคน้ำอุ่นสัก 1 แก้ว เพื่อช่วยให้กระตุ้นการขับถ่าย
สามารถปฎิบัติได้ง่ายๆ แต่ต้องสม่ำเสมอ จนไม่ต้องดื่มน้ำอุ่นก็ขับถ่ายได้ เป็นการปรับสมดุลของร่างกาย
2.ต่อด้วยมื้อเช้าให้ทานไข่ต้นเพียงแค่ 1 ฟองเท่านั้น ห้ามเกินนี้ เพราะการใช้พลังงานตั้งแต่มื้อเช้าไปถึงเที่ยง ไข่ต้ม 1 ฟองก็เพียงพอแล้ว
3.เมื่อเที่ยงกินสลัดพัก เน้นกินเมนูที่มีพักเป็นองค์ประกอบหลัก อาจจะทานส้มตำได้ แต่อย่าให้หวาน เน้นผักมากกว่า หรือหากเมื่อไหร่ที่เบื่อสลัดแล้ว จะเปลี่ยนเมนูมาเป็น โยเกิร์ตรสธรรมชาติก็เข้าท่าเช่นกัน งดของหวานใดๆทั้งสิ้น เช่นพวก น้ำอัดลม ขนม
4.มื้อเย็นหาผลไม้ที่ไม่หวาน มาทานได้หนึ่งลูก เช่น แอปเปิ้ล เป็นต้น ที่หวานมากๆอย่าได้ทาน
5.วิธีสุดท้าย พยายามออกกำลังการเผาผลาญไขมัน อย่าให้มีไขมันสะสมในร่างกาย การออกกำลังกายก็เป็นการปรับสมดุลของร่างกายให้เข้าที่เข้าทางด้วยเช่นกัน อยากให้เน้นที่ข้อสุดท้ายคือการออกกำลังกาย อย่างสม่ำเสมอและการทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ แต่ทานให้พอดี พอเหมาะ เท่านั้นการลดน้ำหนักหรือลดความอ้วนในวัยรุ่นก็สามารถทำได้ง่ายๆ และทำได้ทุกๆวัน (ต้องทานอาหารเช้าเพราะเป็นมื้อที่สำคัญ) เพราะตั้งแต่ตื่นเช้ามาก่อนไปโรงเรียนเราก็ทานอาหารเช้ากันทุกคน และตอนเที่ยงก็หลีกเลี่ยง
ของหวานๆ ขนมต่างๆ น้ำอัดลมยิ่งต้องงด แล้วไม่เกิน 2 สัปดาห์ เห็นผล น้ำหนักลดแน่นอน ต่อไปก็ปฎิบัติให้ได้อย่างนี้ จนคิดว่าเรานั้นสามารถปรับตัว ปรับกิจกรรม ปรับพฤติกรรม ในแต่ละวัน ให้มีความสมดุลเหมาะสมกับอาหารที่ต้องรับประทานเข้าไป เท่านี้ก็ห่างไกล จากโรคอ้วนแล้ว


การลดความอ้วนด้วยการเดินออกกำลังกาย
1.ลดความอ้วนด้วย การเดิน     การเดินเป็นการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับทุกเพศทุกวัย
ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีอาการเข่าเสื่อมหรือปวดเข่า แนะนำให้ใช้การเดินเร็ว (ก้าวเท้าเร็วๆ) แกว่งแขนแรงๆ โดยใช้เวลาเดิน 20-40 นาที  4 วัน ต่อสัปดาห์  การเดินเร็วเป็นประจำช่วยทำให้ท่านมีสุขภาพแข็งแรง หัวใจ กล้ามเนื้อแข็งแรงทนทาน ข้อก็เคลื่อนไหวได้ดี
2.ลดความอ้วนด้วย การวิ่ง2.1 อบอุ่นร่างกายก่อนการวิ่ง
2.2 เวลาวิ่งควรใช้ส้นเท้าลงก่อนแล้วตามด้วยฝ่าเท้า
2.3 แกว่งแขนตามธรรมชาติ
2.4 เลือกรองเท้าที่เหมาะสม ไม่คับหรือหลวมเกินไป
2.5 เตรียมน้ำเย็นสำหรับดื่มติดตัวไปด้วย
2.6 การเพิ่มระยะทางในการวิ่ง ควรเพิ่มครั้งละ 10 เปอร์เซ็นต์ เช่นอาทิตย์นี้วิ่ง 5 กม. อาทิตย์หน้าก็เพิ่มเป็น 5.5 กม.
3 ลดความอ้วนด้วย การขี่จักรยาน    การขี่จักรยานลดความอ้วนเหมาะสำหรับผู้ที่มีข้อเข่าไม่ดี เพราะไม่ต้องลงแรงกระแทก ไม่ต้องลงน้ำหนัก จักรยานที่เหมาะสมคือจักรยานเสือหมอบ เหมาะสำหรับขี่ในเมือง ถนนเรียบ  และจักรยานเสือภูเขา ขี่ได้ทุกสภาพพื้นที่ไม่ว่าจะขรุขระหรือทางเรียบ ข้อดีของการขี่จักรยานคือทำระยะได้ไกล ไม่เบื่อ
ข้อแนะนำในการขี่จักรยาน
3.1 เลือกจักรยานที่เหมาะสมกับรูปร่าง
3.2 เตรียมน้ำดื่มใส่ขวดไปด้วยเสมอ
3.3 ใส่หมวกกันน็อค
3.4 เตรียมผ้าเช็ดเหงื่อสำหรับซับเหงื่อ
3.5 ใส่แว่นตากันแดด ป้องกันแสงแดดและฝุ่นควัน

เกร็ดความรู้ในการลดความอ้วนและลดน้ำหนัก
ต่อไปนี้คือข้อควรปฏิบัติเมื่อคุณตั้งใจจะลดความอ้วน
1.
ขอให้สัญญากับตัวเองว่าจะลดความอ้วน ขอให้ตั้งเป้าหมาย ลดความอ้วน ด้วยตัวเอง ไม่ใช่ลดเพราะความต้องการของคนอื่นๆ

2.ควรเลือกเวลาที่เหมาะสม การลดความอ้วนในสภาพที่ไม่เหมาะสมเช่น กำลังอยู่ในช่วงใกล้สอบ หรือกำลังมีปัญหาการเงิน ปัญหาเหล่านี้ จะรบกวนสภาพจิตใจ ความพร้อมของคุณ ทำให้การลดน้ำหนักของคุณ ไม่ประสบความสำเร็จ
3.ควรเลือกเป้าหมายการลดความอ้วนที่เป็นไปได้ หรือไม่ตั้งเป้าหมาย สูงเกินไป ถ้าคุณอ้วนมากๆ คุณไม่สามารถที่ลดความอ้วน ให้เหมือน คนผอมได้ในทันที หรือระยะเวลาสั้นๆ ควรลดความอ้วนแบบค่อยๆเป็นไปช้าๆ และคงที่อาจจะตั้งเป้าหมาย
ครึ่งกิโลกรัมต่ออาทิตย์ หรือเป้าสูง 1 กิโลกรัมต่อสับดาห์
4.คุณควรเปลี่ยนนิสัยการกินอาหารให้มากินอาหารที่มีผลดีต่อสุขภาพ การลดความอ้วนโดยวิธีลดอาหาร ทำให้ร่างกายของคุณได้รับพลังงานน้อย น้ำหนักน้อยลงก็จริง แต่เป็นเพราะปริมาณน้ำในร่างกายลดลง ไม่ใช่ปริมาณไขมันที่ลดลง ยกตัวอย่างเช่นนักมวยที่ลดน้ำหนักก่อนขึ้นชั่ง น้ำหนัก ด้วยการวิ่ง อดน้ำ อดข้าว หรือเข้าเครื่องอบไอน้ำ เพื่อลดปริมาณน้ำในร่างกาย ทำให้น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็วแต่หลังจากชั่งน้ำ
หนักแล้วก็กินข้าว ดื่มน้ำ ก็จะมีน้ำหนักกลับมาเหมือนเดิม นอกจากนี้การอดอาหารยังทำให้ขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เช่น กรดโฟลิค แมกนีเซี่ยม และสังกะสี ซึ่งล้วนแต่เป็นแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย ทำให้สุขภาพดี ทางเลือกที่ดีที่สุด คือการกินอาหารที่ให้พลังงานน้อยแทน เช่นผัก ผลไม้
5.ออกกำลังกายด้วยการเดินเร็ว (ก้าวเท้าเร็ว)ติดต่อกันนาน 30 นาที 3-4 วันต่ออาทิตย์ จะส่งผลให้น้ำหนัก คุณลดลงประมาณ 0.3 กิโลกรัมต่อสัปดาห์  การออกกำลังกายโดยทำให้เผาผลาญไขมันส่วนเกิน จะทำให้น้ำหนักลดลงโดยตรงและส่งผลทำให้ปริมาณกล้ามเนื้อของร่างกายเพิ่มขึ้นการออกกำลังกาย แบบใช้ออกซิเจน (Aerobic Exercise) โดยมีระยะเวลานานกว่า 20 นาทีขึ้นไป จะช่วยลดปริมาณไขมัน อย่าง ได้ผลดีมากๆสำหรับ ท่านที่มีน้ำหนักมากๆ และไม่เคยออกกำลังกาย ควรเริ่มต้นทีละน้อยแล้วค่อย เพิ่มเวลาให้มากขึ้นเรื่อยๆ โดยใช้วิธีการเดิน หรือการวิ่งเหยาะๆ ว่ายน้ำ เต้นรำ เคล็ดลับประการหนึ่งคือ ควรมีเพื่อนร่วมออกกำลังกาย จะทำให้คุณออกกำลังกายตามตารางที่กำหนดได้ดีขึ้น นอกจากนี้คุณอาจ ใช้วีธีออกกำลังกายอื่นๆ เช่นเดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟท์โดยสาร
ลดน้ำหนัก ผอมง่ายๆ แบบไม่ต้องจ่ายตัง
  สาวๆคนไหนก็อยากจะให้ตัวเองดูดีกันทั้งนั้น แต่การที่
จะได้มาซึ่งความสวยงาม เซ็กซี่อาจต้องแลกด้วยเงิน จำนวนมาก สำหรับสาวคนไหนที่อยากสวยแบบผอมเพรียวมั่นใจแบบไม่ต้องจ่ายตังลองนำวิธีนี้ไปปฎิบัตืกันดูค่ะ
รอบเอวที่เกินมานี่แปลว่าอะไร ?
รอบเอวที่มีมากหรือน้อยนั้นเกิดจากปริมาณไขมันในช่องท้อง รอบเอวที่เพิ่มขึ้นทุกๆ 5 เซนติเมตร จะเปิดโอกาสให้คนๆ นั้นเป็นโรคเบาหวานเพิ่มขึ้น 3-5 เท่า ที่มาของโรคร้ายนานา ชนิด ทั้งโรคหลอดเลือดหัวใจ ไขมันในเลือดสูง ความดัน โลหิตสูง หลอดเลือดในสมองอุดตันหรือแตก โรคหัวใจ โรคที่ว่ามาล้วนแต่เป็นตัวการที่คร่าชีวิตและผู้ป่วย จะมีแนว โน้มที่อายุน้อยลงเรื่อยๆ ต้นเหตุสำคัญมาจากพฤติกรรม นั่งๆ นอนๆ ไม่ค่อยเคลื่อนไหวร่างกาย ไม่ออกกำลังกาย ทานผัก ผลไม้น้อยกว่าที่ควร ทานแต่อาหารที่เต็มไปด้วย พลังงาน และไขมัน พฤติกรรมที่ว่านี้จึงทำให้เกิดเป็นโรคอ้วนได้เมื่อยิ่งอ้วนน้ำหนักตัวก็ยิ่งมากตามไปด้วย
ยิ่งส่งผลให้เกิดโรคต่างๆ ตามมามากขึ้นไปด้วย ส่วนการวัดรอบเอวนั้นจะต้องยืนวัดในส่วนที่แคบที่สุดของลำตัวหรือกึ่งกลางระหว่างซี่โครงซี่สุดท้ายกับกระดูกสะโพกด้านหน้า สายจะต้องไม่หย่อนหรือแน่นเกินไป
อย่าลืมว่า ผู้หญิงต้องไม่เกิน 80 เซนติเมตร หรือ 32 นิ้ว ส่วนผู้ชายต้องไม่เกิน 90 เซนติเมตร หรือ 36 นิ้ว ที่ว่าไปนี้ ควรรีบเร่งคุมน้ำหนักและออกกำลังกายโดยด่วน
อีกวิธีหนึ่งที่สามารถควบคุมไม่มีรอบเอวพุ่งกระฉูดคือ ต้อง “กินให้เป็น” คือรู้จักควบคุมปริมาณอาหารให้พอเหมาะพอดี  เพิ่มอาหารที่เป็น โปรตีน กินผักและผลไม้เยอะ ที่สำคัญคือควรเลี่ยงอาหารมันจัด หวานจัด และเค็มจัด
วิธีหนึ่งที่ทำแล้วได้ผลคืด ยึดมื้อเช้าเป็นหลัก กินอาหารแต่ละมื้อให้พออิ่ม และมื้อเย็นควรเว้นระยะเวลาอาหารให้ห่างจากเวลานอนไม่น้อยกว่า 4 ชั่วโมง เพื่อให้ระบบย่อยของร่างกายได้ทำงานอย่างเต็มที่เต็มประสิทธิภาพ

ท้ายที่สุดคือ
ควรออกกำลังกายอาทิตย์ละ 3 วัน ครั้งละ ไม่ต่ำกว่า 30 นาที
เพียงเท่านี่น้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้นของคุณก็จะลดลงได้ 5-10% เท่ากับว่าไขมันในช่องท้อง จะหายไปไม่ต่ำกว่า 30% เลยทีเดียว
การลดน้ำหนักทำได้ไม่ยากเพียงต้องมีความตั้งใจและมุ่งมั่นที่จะลดน้ำหนัก

   สิ่งที่จะช่วยให้เราประสบความสำเร็จในการลดน้ำหนักก็คือการที่เรามี กำลังใจมุ่งมั่นที่จะลดน้ำหนักให้ได้ ที่สำคัญคือต้องปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้เกิดผลดีมากที่สุด  โดยเทคนิคการลดน้ำหนักให้ได้ผลที่ต้องปฏิบัติเป็นประจำคือ1.ตั้งความฝันให้กับตัวเองว่าจะต้องมีน้ำหนักที่ลดลงนี้ให้ได้
2.ตั้งความฝันว่าจะต้องใส่เสื้อผ้าขนาดที่เล็กลงกว่าเดิมให้ได้
3.ตั้งความฝันว่าเมื่อเจอใครเขาจะต้องทักเราว่าดูดีขึ้นผอมลงให้ได้
4.ตั้งความความฝันถ้าลดน้ำหนักแล้วได้เราต้องดูดีมีสุภาพที่แข็งแรง ฟิตและเฟริ์ม
5.แรงผลักดันอีกอย่างก็คือจะต้องดูดีในสายตาของผู้อื่นแม้ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม
สูตรอีกอย่างคือ ง่ายๆแค่ลดแป้ง/หวาน/มัน/เค็ม/ออกกำลังกาย ทุกวัน
1. 05.30 น. – งานบ้านเล็กน้อย/ดื่มน้ำเต้าหู้ 1 แก้ว
2. 06.00 น. – แอโรบิค 45 นาที
3. 08.00 น. – ทานอาเช้าครอบ 5 หมู่จนอิ่ม
4. 12.00 น. – ตำซั่ว/ส้มตำ/ไกย่างไม่ติดหนัง

5. 16.30 น. – น้ำเต้าหู้ 1 แก้ว หรือกล้วยหอม
6. 17.30 น. – แอโรบิค 45 นาที (ดื่มน้ำใบบัวบก)
7. 21.30 น. – เข้านอน -แต่ต้องขยันดื่มน้ำ/ใจแข็งหากมีใครชวนกินจุบจิบ/ใส่สเตย์ ตลอดวัน/ทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใสลดอาหารที่ไขมันสูง/ให้รู้ว่ากินเข้าไปเท่า ใหร่ให้ใช้พลังงานออกมาให้หมด แต่ในหนึ่งสัปดาห์ก็ให้รางวัลแก่ตัวเองกินตามใจปรารถนาสักมื้อแค่นี้เอง

 วิธีรับประทานเพื่อลดความอ้วน 5 ขั้นตอน
วันนี้ขอเสนอเคล็ด(ไม่)ลับสำหรับสาวๆที่อยากจะทำให้ตัวเองดู
สวย เพรียวโดยที่ไม่ต้องไปวิ่ง ออกกำลังกายให้เหนื่อย
หรือนั่งอดอาหารอีกต่อไป
1.หยุดกินหน้าทีวีเพื่อลดความอ้วน
คุณรู้รึเปล่าว่าการนั่งกินอาหารหน้าทีวี จะทำให้คุณสามารถกินเพิ่มได้จากเดิมถึง 40% รวมไปถึงการขับรถและกิจกรรมอื่นๆ อีกเช่นกันวิธีที่ดีที่สุดคือ หยุดพฤติกรรมการนั่งกินอาหาหน้าทีวีนั้นซะ
2. กินอาหารที่เผาผลาญไขมันเพื่อลดความอ้วนการเลือกกินอาหารที่สามารถเผาผลาญไขมันเป็นอีกวิธีที่ช่วยให้ระบบการเผาผลาญของคุณดีขึ้น ซึ่งอาหารที่ช่วยเผาผลาญไขมันได้แก่ ส้มเกรปฟรุต แอปเปิ้ล น้ำมันมะกอก เมล็ดทานตะวัน
กระเทียม บลูเบอร์รี่ และถั่วอัลมอนด์ เป็นตัน

3. รู้ทันก่อนกินสลัดเพื่อลดความอ้วนสาวๆหลายคนอาจคิดว่า “ผักนี่แหละที่ฉันกินได้ ไม่ต้องกลัวอ้วน” แต่รู้ไหมว่านั่นเป็นความคิดที่ผิดเพราะผักบางอย่างที่คุณกินเข้าไปนั้นสามารถเพิ่มแทนที่ลดน้ำหนักให้คุณ!! ฉะนั้นก่อนเลือกกินสลัดก็ควรจะดูก่อนว่าผักที่กิน เข้าไป นั้นคืออะไร
4. กินผลไม้วันละ 2 ครั้งเพื่อลดความอ้วนและความอยากอาหารเนื่องจากในผลไม้จะเต็มไปด้วยน้ำและปราศจากไขมัน คุณจึงควรจะรับประทานผลไม้อย่างน้อย
วันละ 2 ครั้ง เพราะการทานผลไม้จะทำให้คุณทานอาหารอย่างอื่นได้น้อย
5. หยุดนิสัยเสียดายของเพื่อลดความอ้วนเพราะการเสียดายของจนทำให้คุณต้องทานให้หมด และนี่คือสาเหตุความอ้วนของคุณ ฉะนั้นทางที่ดีควรเลิอกทานอาหารแต่พอดีไม่มากจนเกินไป

สูตรลดความอ้วนได้ภายได้ใน 24 วัน จากฝรั่งเศล !! ผอมเพรียวได้ใน 24 วันด้วยสูตรส่งตรงจากฝรั่งเศส เริ่มต้นหลักสูตรด้วยอาหารของเก้าวันแรกกันเลย
มื้อเช้า
: ส้มโอ และชาหรือกาแฟ
มื้อกลางวัน : ต้องเป็นเนื้อสัตว์ล้วนๆ ไม่มีข้าว ไม่มีผัก ไม่มีนม และไข่มาผสม สามารถใส่ซอสเพิ่มรสชาติได้ กินได้ไม่จำกัดแต่มีข้อแม้อย่างหนึ่งคือในหนึ่งมื้อให้กิน
เนื้อสัตว์เพียงชนิดเดียวเท่านั้น เช่น หมูล้วน ไก่ล้วน ปลาล้วน เพราะกระเพาะอาหารสามารถทำงานได้ดี ถ้าเราไม่กินอาหารที่ปนกันเป็นการลดการทำงานของกระเพาะอาหาร จากการศึกษาพบว่าในเนื้อสัตว์นั้น เนื้อหมูจะมีไขมันอยู่มากที่สุด ตามมาด้วยเนื้อวัว ส่วนอาหารทะเลก็มีไขมันเช่นกันแต่จะมีน้อยกว่าเนื้อสัตว์ นอกจากนี้อาหารต้ม นึ่ง เผา จะมีแคลอรีน้อยกว่าอาหารทอด รู้อย่างนี้แล้วก็ลองเลือกดูค่ะ ว่าจะทานอะไรดี
ส่วนอาหารแนะนำคือสเต็กพริกไทย ปลาสำลีเผา กุ้งอบเกลือ สตูว์เนื้อไม่ใส่ผัก ปลากระพงย่างบีบมะนาว


หมูทอดกระเทียม แกงจืดหมูสับล้วนค่ะ แต่ควรระวังอย่ากินผักและข้าวนะค่ะ
มื้อเย็น : ให้รับประทานแต่ข้าวกล้องล้วนๆ ใส่ซอสเพิ่มเติมได้ ผัดกับกระเทียม ใส่ซีอิ้วหรือพริกไทย
ได้ทั้งนั้นค่ะ แต่ห้ามผสมไข่และนมลงไปเด็ดขาด ตอนนี้ผักและเนื้อสัตว์ก็ยังรับประทานไม่ได้อาหารที่
แนะนำคือ ข้าวผัดกระเทียมใส่ซีอิ๊วขาว ข้าวผัดกะปิ ข้าวคลุกมันกุ้ง ข้าวผัดมันปู ข้าวคลุกน้ำพริกตาแดง ข้าวคลุกน้ำพริกต่างๆ ข้าวคลุกพริกป่นบีบมะนาว สามวันต่อมา คุณจะรู้สึกว่าน้ำหนักจะเริ่มลดไปบ้างแล้ว แต่ยังหยุดไม่ได้ค่ะ ต้องรับประทานต่อโดยที่มื้อเช้ายังคงรับประทานเหมือนเดิมค่ะส่วนมื้อกลางวัน
และมื้อเย็นต้องเป็นผลไม้ล้วนๆ ห้ามมีอย่างอื่น ทั้งนี้คุณจะเลือกรับประทานผลไม้อะไรก็ได้ค่ะ
จะเป็นทุเรียน มะม่วง ก็ได้(แต่น้ำหนักอาจลดน้อยกว่าที่ควร) ที่สำคัญคือต้องกินเป็นมื้อ ห้ามกินจุบจิบเก้าวัน
ชุดที่ 2 อาหารเช้ายังคงเหมือนเดิม ส่วนมื้อที่เหลือเป็นผักล้วนๆ อาจจะเป็นมันฝรั่ง เผือก ข้าวโพด ได้หมดค่ะ อาหารที่แนะนำคือ คะน้าผัดน้ำมันหอย ผักนึ่งจิ้มน้ำพริก ผัดผักทุกอย่าง สลัดผักน้ำใส (ต้องไม่ใส่นม ไข่ และน้ำตาล)
สามวันสุดท้าย มื้อเช้าเหมือนเดิมค่ะมื้อกลางวันและมื้อเย็นให้รับประทานผลไม้ล้วนๆถ้าทำได้ครบตามสูตรที่บอกไว้
รับรองว่า น้ำหนักของคุณลดได้แน่นอนค่ะ แต่มีควรข้อระวังอีกอย่างนะคะ หากคุณนับวันผิดหรือรับประทาน
นอกเหนือจากที่กำหนดไป ก็ต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่ และถ้าครบ 24 วันแล้วก็ยังสามารถกลับไปรับประทาน
อาหารแบบเดิมได้ค่ะ  แต่ถ้าอยากผอมไปตลอด แบบที่ไม่ต้องควบคุมอาหาร ก็ใช้วิธีนี้ได้ค่ะ คือ
ถ้าอยากจะรับประทานอาหารจำพวกเนื้อ ก็ให้ทานเนื้อชนิดเดียวกัน และต้องทานผักร่วมด้วย ถ้าจะรับประทานอาหารจำพวกแป้ง เช่น ข้าว ก็ไม่ควรทานพร้อมกับโปรตีน ควรจะทานร่วมกับผัก
จะดีที่สุดผลไม้จะทานในปริมาณเท่าไหร่ก็ได้ค่ะ เพราะเป็นอาหารที่ใช้เวลาอยู่ในกระเพาะน้อย แต่เป็นอาหารหนัก ทำให้อิ่มนาน เพื่อสุขภาพควรทานผลไม้ก่อนทานอาหารหลัก ประมาณ 15-30 นาที เพื่อที่เราจะทานอาหารได้น้อยลงจะได้ไม่อ้วนค่ะ

กาแฟลดความอ้วน,กาแฟลดน้ำหนัก ใช้ได้จริง?กาแฟลดความอ้วน กาแฟลดน้ำหนักใช้ได้จริงหรือ  ในทีวี และสื่อต่างๆ พักหลังพวกเราจะเห็นมีโฆษณากาแฟที่กินแล้วทำให้เชื่อว่าหุ่นดีได้เหมือนกันนางแบบโฆษณา กาแฟลดความอ้วนและลดน้ำหนักดังกล่าวถูกเรียกกันง่ายๆว่า กาแฟลดความอ้วนบ้าง กาแฟลดน้ำหนักบ้าง แต่ปัญหามันมีอยู่ว่าแล้วกาแฟมันจะลดความอ้วน ได้จริงหรือ กาแฟที่อ้างสรรพคุณว่ามีส่วนช่วยในการลด
น้ำหนักได้นั้น จะมีส่วนผสมของสารสกัดสรรพคุณความงามเช่น ไฟเบอร์ คอลลาเจน แอลคาร์นิทีน โครเมียมเพื่อที่จะได้นำสิ่งเหล่านั้นมาใช้เป็นการอ้างถึงข้อดีของกาแฟและนั่นจะช่วยให้ผู้ซื้อถูกจูงใจได้ง่ายมากขึ้น

คำถามคือ
“แล้วกาแฟมันลดความอ้วนและลดน้ำหนักได้ไหม?” โดยปกติแล้วกาแฟจะมีส่วนช่วยในการเผาผลาญพลังงานในร่างกายซึ่งนั้นถือเป็นข้อดีของกาแฟที่ผู้ผลิตพยายามนำกาแฟมาเป็นตัวชูโรง
แต่มันก็มีข้อเสียอย่างที่รู้กันอยู่ว่าหากได้ดื่มกาแฟในปริมาณมากจะทำให้เป็นโทษต่อร่างกาย เช่น อาการใจสั่น นอนไม่หลับ ปวดหัว กระวนกระวาย ทาง อย. เองก็ทราบดีถึงปัญหาดังกล่าว และได้ชี้แจงให้ผู้ผลิตห้ามแอบอ้างสรรพคุณว่ากาแฟดังกล่าวลดความอ้วนได้ เพราะกาแฟไม่ได้เป็นยา และพยายาม
ตรวจสอบบางผู้ผลิตที่ถึงกับนำยาลดความอ้วนมาเป็นส่วนผสมซึ่งถือเป็นกระทำผิด เพราะยาดังกล่าวจะต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์ และตัวยาลดความอ้วนดังกล่าวมีอันตรายต่อผู้บริโภคอีกด้วย

บทสรุปเรื่องกาแฟลดความอ้วนนั้นจบลงที่กาแฟดังกล่าวไม่สามารถจะทำให้น้ำหนักคุณลดลงแต่อย่างใด เพียงแต่ไม่ทำให้มันเพิ่มขึ้นเท่านั้น หากร่างกายจะอ้วน หรือจะผอมสุดท้ายอยู่ที่การเลือกรับประทานอาหาร และการออกกำลังกายครับ หรืออีกประเด็นหนึ่งที่กาแฟที่เค้าว่ากันว่าสามารถลดวามอ้วนได้ อาจจะเป็นเพราะว่า เวลารับประทานกาแฟเข้าไปทั้งกาแฟธรรมดา กาแฟสด กาแฟลดความอ้วน เวลาเราทานไปสักพักจะทำให้ไม่ค่อยอยากอาหาร เพราะกาแฟรับประทานแล้วจะรูปสึกอิ่ม เช่น รับประทานอาหารก่อนกาแฟแล้วทานกาแฟกาแฟก็หมด แต่ถ้าทานกาแฟก่อนอาหาร จะรับประทานอาหารไม่หมด หรืออาจหมดเพราะนี้จึงอาจเป็นสาเหตุที่กาแฟ สามารถลดความอ้วนได้ บทความนี้ ก็ลองพิจารณากันดูอีกทีนะครับ ขอขอบพระคุณผู้ให้ข้อความ และทางเราขออนุญาติเพิ่มเติมตกแตงข้อความให้น่าสนใจยิ่งขึ้น
การลดน้ำหนักและลดความอ้วนอย่างถูกวิธี
  ถ้าคุณเคยลดความอ้วนมาหลายครั้งแล้วไม่ได้ผล ขอเสนอวิธีลดน้ำหนักและลดความอ้วนแบบง่ายและถูกวิธี ดังนี้
ข้อที่ 1 การที่จะลดน้ำหนักและลดความอ้วนต้องมีจิตใจเข้มแข็งและมีความตั้งใจจริงที่จะลดน้ำหนักและลดความอ้วนซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากสัญญากับตนเองว่า จะปฏิบัติตามแนวทางที่วางไว้ เพื่อลดน้ำหนักตนเองและลดความอ้วนลงให้ได้ โดยหลีกเลี่ยงข้อ
แก้ตัวต่าง ๆ ที่จะเป็นปัญหาในการลดน้ำหนักและลดความอ้วน เช่น ถ้าได้รับเชิญไปกินเลี้ยงต้องวางแผนไว้ก่อนว่าในมื้ออื่น ๆ จะต้องกินอาหารอย่างไรเพื่อควบคุมการกินอาหาร
ข้อที่ 2 แต่ละวันให้กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และครบ 3 มื้อ การงดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่งเพื่อลดน้ำหนักและความอ้วนเป็นวิธีที่ไม่สมควร เพราะเป็นการบั่นทอนสุขภาพ ควรจะลดปริมาณอาหารมากกว่าที่จะงดอาหารไปเลย
ข้อที่ 3 การลดน้ำหนักและลดความอ้วน จะต้องลดอาหารประเภท ข้าว แป้ง น้ำตาล และไขมันลงแต่กิน
อาหารพวกพืชผัก ผลไม้ให้มากขึ้น
ข้อที่ 4 มีการออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอกจากควบคุมการกินอาหารแล้ว ถ้าได้มีโอกาสออกกำลังกาย
ควบคู่ไปด้วย จะทำให้ผลการลดน้ำหนักดียิ่งขึ้นเพราะจะเป็นการใช้พลังงานที่ร่างกายได้รับจากอาหาร
ไม่มีการสะสมไขมัน  สำหรับผู้ที่ไม่เคยออกกำลังกายมาก่อนต้องค่อยทำค่อยไป และทำอย่างสม่ำเสมอดีกว่าหักโหม ควรเลือกใช้วิธีที่ชอบ จะทำได้จนเป็นนิสัยโดยไม่ต้องฝืนใจ เช่น เดินเร็ว วิ่งเหยาะ ๆ กระโดดเชือก ขี่จักรยาน เต้นรำ โดยต้องคำนึงถึงสภาพของร่างกาย เพราะถ้าออกกำลังกายหนักไป อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายได้ เช่น กินข้าว 1 ทัพพี เดิน 20 นาทีจะใช้พลังงานที่ได้จากข้าวหมด แต่ถ้าตีเทนนิส เพียง 10 นาทีก็ใช้หมดแล้ว หรือถ้าวิ่งเพียง 4.5 นาทีก็ใช้พลังงานหมดแล้ว การลดน้ำหนักและการลดความอ้วน สิ่งที่สำคัญอีกอย่างก็ คือการออกกำลังกาย เทียบได้ว่าสำคัญที่สุด จะทำได้ทั้งลดน้ำหนักและลดความอ้วนแถมยังได้สุขภาพที่แข็งแรงตามมาอีกด้วย
  สิ่งสำคัญ คือ ลดการกินอาหารที่ให้พลังงานสูง เช่น ไขมัน น้ำตาล และแป้งลง ถ้าลดพลังงานได้วันละ 500-550 แคลลอรี่จะลดน้ำหนักและลดความอ้วนได้สัปดาห์ละครึ่งกิโลกรัม ซึ่งถือว่าพอเหมาะ
"ถ้าคุณทำตามทั้งสี่ข้อนี้ได้ รับรองว่าน้ำหนักคุณจะต้องลดลงอย่างแน่นอน แถมมีสุขภาพดีอีกด้วย"


ขอขอบคุณความรู้ดีๆจาก ที่มา healthnet และ www.gamehayha.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น